วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log (12) นอกห้องเรียน

Learning Log (12) นอกห้องเรียน


                  ในปัจจุบันนี้ภาษาอังกฤษยิ่งมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ถือได้ว่านภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางหรือภาษาสากลของโลก เพราะไม่ว่าจะเป็นการงาน หน้าที่ การเรียนและการศึกษาในปัจจุบันล้วนมีภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานสำคัญทั้งนั้น ดังนั้นการพัฒนาหรือฝึกทักษะทางภาษาของตนเอง จึงเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ง่ายหรือเร็วยิ่งขึ้น การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถพัฒนาทักษะต่างๆของเราได้
                      การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้คือการเรียนรู้ผ่านบทต่างๆ เพราะการเรียนรู้จากเพลงนั้น นอกจากเราจะได้ผ่อนคลายแล้ว ยังสามารถเรียนรู้คำศัพท์และความหมายที่บทเพลงต้องการสื่อ เพลงแรกคือ I don’t like to sleep alone ของศิลปินชื่อ Pual Anka ในเนื้อเพลง I like to go shopping ซึ่งในประโยคนี้จะมีคำว่า like to หมายถึง ชอบ ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ในทางกลับกันได้โดยใส่ don’t หรือ doesn’t ได้ Stay with me, don’t ประโยคนี้มีคำว่า stay อยู่ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า คำว่า stay จะแตกต่างกับคำว่า live คือ stay นั้นคืออยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ live จะเป็นการอยู่อย่างเป็นทางการ
                         อีกวิธีหนึ่งคือ การชมภาพยนตร์ เพราะสามารถทำได้ง่ายและเราสามารถฝึกทักษะต่างๆ ไปพร้อมๆกัน โดยครั้งนี้จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับสำนวนต่างๆในภาพยนตร์ Don’t get med! : อย่าโกรธน่ะ ซึ่งผมจะคุ้นเคยกับคำว่า angry แต่คำว่า mad เป็นอีกคำหนึ่งที่มาใช้แทนได้ I completely understand you: ฉันเข้าใจคุณทุกอย่างเลย a break from us: เลิกกัน(ยุติความสัมพันธ์) I’m fascinated by… :ฉันหลงใหลใน Pick up the phone: ไปรับโทรศัพท์ซะ Give over you is the hard thing to do : การลืมเธอเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำ
                          We can’t get back together : เรากลับไปคืนดีกันไม่ได้แล้ว Don’t care what they say: อย่าไปใส่ใจสิ่งที่คนเขาพูดกันเลย  He’s smallest person in the world น่าสมเพชที่สุดในโลก คำว่า the smallest person เป็นอีกสำนวนที่ใช้ได้เหมือนกัน I know it’s dumb: ฉันพึ่งรู้ว่ามันงี่เง่า ซึ่งคำว่า dumb ผมจะคุ้นเคยกับความหมายที่แปลว่า คนใบ้
                        I’ll pick up ฉันจะรับสายเอง ซึ่งสำนวนที่ว่า to pick up ผมจะคุ้นกับความหมายที่ว่า ไปหยิบไปเก็บ แต่หากใช้กับโทรศัพท์ จะหมายถึง ไปรับโทรศัพท์ truly no grudges! : ไม่โกรธจริง Don’t sleep on it! อย่ามัวเสียเวลาคิดกับมันอยู่เลย one more humiliation: ขายหน้าอีกแล้ว you are waste: แกมันขยะ Pretty much!: ประมาณนั้น I got it: ฉันเข้าใจแล้ว Never say that! อย่าพูดอย่างนั้นซิ ซึ่งสำนวนนี้ผมจะคุ้นกับสำนวนที่ว่า Don’t say that! Go to hell! ไปไหนก็ไป The end is near: เวลาของแกใกล้หมดแล้ว Get out of my way! อย่ามาขวางทางฉัน I go for it ฉันเอาด้วย it’s a back out ไฟดับ
        
                 It has no power ไฟฟ้าไม่มี และสามารถใช้ it has no electricity ได้เช่นเดียวกัน it’s kind of spooky: น่าขนลุก It’s really gross : ทุเรศ น่าเกลียด I can get her : ฉันจีบเธอได้ I can imagine: ฉันพอจะนึกภาพออก hang on a second: เดียวก่อน ซึ่งผมจะคุ้นชินกับสำนวน wait a minute! ซึ่งใช้ได้เหมือนกัน I’m gonna hit the road ฉันต้องไปแล้ว hop in! กระโดดเข้าไปเลย
                   อีกวิธีหนึ่งคือการชมรายการสอนภาษาอังกฤษ คือรายการ Loukgolf’s  English room ep.33,34,35  ซึ่งรายการนี้เป็นรายการที่มีสาระมากๆ และเป็นรายการสอนที่สอดแทรกความสนุกต่างๆ อีกด้วยซึ่งมีคำศัพท์ที่น่าสนใจ รวมทั้งประโยคที่น่าสนใจมากมาย อาทิ peculiar: แปลกประหลาด unique: มีเอกลักษณ์ recorder: ขลุ่ย rehearse: ฝึกซ้อม และประโยค how do you find….? จะมีความหมายเท่ากับ What do you think about…? Don’t laugh at me: อย่ามาหัวเราะฉัน weird: แปลก  respect: เคารพ/ความเคารพ embarrassing : น่าอับอาย และคำที่ออกเสียงคล้ายกันคือ prawn: กุ้ง porn: สื่อลามก I haven’t got a clue. ฉันไม่รู้จริงๆ Cape: ผ้าคลุม ghoul: ภูตผี
                           จึงจะเห็นได้ว่าจากการที่เราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หรือการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดประโยชน์กับตัวเป็นการฝึกทักษะและพัฒนาทักษะความสามารถของตนเองสำหรับการใช้ภาษาทั้ง 4 ทักษะ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน หากผู้เรียนมีครบทั้ง 4 ทักษะแล้วจะสามารถใช้ภาษาได้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
                     การใช้ภาษาอังกฤษกับการสนทนาระหว่างเพื่อนๆ โดยผ่านทางงแอปพลิเคชั่นผ่านทางโซเซียลมีเดีย หรือในการสนทนาจริงๆ เป็นอีกหนึ่งที่สำคัญมากคือการเอาความรู้ที่ได้ทั้งหมดมาใช้จริงๆ เพื่อเป็นการแสดงให้รู้ว่าตนใช้ภาษาได้จริงหรือไหม ในการสนทนากับเพื่อนๆ นั้นได้ฟังทั้งหลักไวยากรณ์ (Grammar) และการออกเสียง (Pronunciation) ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องหรือชัดเจนทั้งหมดแต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาทักษะทางภาษาของเราได้
                   จึงจะสรุปได้ว่าในการเรียนภาอังกฤษนั้น ตัวผู้เรียนเองจะต้องมีความรู้ ทักษะ และการนำความรู้คือภาษานั้นเอง ต้องเอาไปใช้ได้สานการณ์จริงเพื่อเป็นตัวบ่งชี้ว่าตัวผู้เรียนสามารถบรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้คือการใช้ภาษาอังกฤษในทักษะต่างๆ เช่น ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว
          


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น